อย่างที่สาย Healthy รู้กันดีอยู่แล้วว่า “อะโวคาโด” (AVOCADO) เป็น 1 ในอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีมาก เป็นผลไม้ที่สามารถทานได้ทุกเพศทุกวัยและยังสามารถทำอาหารคาวหรือหวานได้หลากหลายเมนูอีกด้วย เรียกได้ว่าอร่อยจนมีสาวหลายๆคนออกมาบอกว่าตัวเองเนี่ยกำลังคลั่งรักอะโวคาโดกันเลยทีเดียว 🥑 #avocadolover

6 สายพันธุ์ยอดนิยมของ “อะโวคาโด”
หลายคนอาจสับสนว่า อะโวคาโดมีกี่สายพันธุ์? วิธีการดูในแต่ละสายพันธุ์เป็นอย่างไร ? แต่ละสายพันธุ์จะมีผลผลิตช่วงไหน ?aDay Fresh ได้ยก 6 สายพันธุ์ ของอะโวคาโดยอดนิยมมาให้ดู ดังนี้

อะโวคาโด
- สีของเนื้อ: เนื้อของอะโวคาโดมักมีสีเขียวอ่อนถึงเขียวเข้ม สีของเนื้อขึ้นอยู่กับระยะการสุกของอะโวคาโด ที่สุกที่สุดมักจะมีสีเขียวอ่อนถึงเขียวอมเหลือง
- รสชาติ: มีรสชาติที่ครีมโครงสร้างและมีความหอมหวานที่อ่อนนุ่ม
- ผลอะโวคาโดมีรูปทรงกลมถึงรูปทรงหลอดที่ยาว มีขนาดใหญ่ถึงกลาง มีลูกเม็ดในภายในที่มีขนาดใหญ่และถอดได้ง่ายเมื่อผลสุก
สายพันธุ์ “อะโวคาโด” ที่ได้รับนิยมมากที่สุด

สายพันธุ์ Hass เป็นสายพันธุ์ที่มีรสชาติถูกใจนักบริโภคมากที่สุด มีแหล่งกำเนิดมาจากรัฐแคลิฟอร์เนียสหรัฐอเมริกา ด้วยรสชาตินุ่มนวล คล้ายเนยและถั่ว เนื้อเหนียวหนึบ รสชาติมัน เต็มเปี่ยมไปด้วยไขมันดี กลิ่นและรสชาติละมุนกว่าพันธุ์อื่น
จุดต้นกำเนิดของอะโวคาโดสายพันธุ์ “Hass”

ทดลองการปลูก
ได้ทำการทดลองในการปลูกอะโวคาโด
จดสิทธบัตร
เริ่มจดสิทธิบัตรสายพันธุ์ชื่อ “Hass”
ขยายพื้นที่
ขยายพื้นที่ในการปลูกมากกว่า 80 เอเคอร์
อะโวคาโด พันธุ์ Hass ได้รับการตั้งชื่อตาม Rudolph Hass ที่เป็นเกษตรกรอาศัยอยู่ในแคลิฟอร์เนีย ซึ่ง Rudolph Hass ได้มองหาสายพันธุ์ที่ปลูกง่ายและมีอายุการเก็บรักษานานกว่าพันธุ์อื่น ๆ ทำให้ต่อมา Rudolph Hass ได้ทดลองปลูกต้นกล้าอะโวคาโดหลากหลายสายพันธุ์ ปรากฎว่าต้นที่ได้เติบโตอย่างรวดเร็วและให้ผลผลิตที่ดีมาก ต่อมาได้จดสิทธิบัตรในชื่อของตัวเอง ซึ่งทำให้อะโวคาโดสายพันธุ์ “Hass” ได้ถือกำเนิดขึ้นนั้นเอง
วิธีในการปลูกอะโวคาโดสายพันธุ์ “Hass”

อะโวคาโดสายพันธุ์ “Hass” ชอบอากาศที่อบอุ่นและเป็นประเทศเขตร้อน เช่น สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก ชิลี เปรู และอิสราเอล ที่มีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 15-29 องศาเซลเซียส ซึ่งองค์ประกอบในการปลูกนั้นต้องคำนึงถึง 5 องค์ประกอบดังนี้
น้ำ
อะโวคาโดไม่ต้องรดน้ำบ่อย แต่ให้หมั่นตรวจสอบดินดูว่าแห้งหรือไม่ ถ้าแห้งให้รดน้ำในปริมาณพอเหมาะ ถ้าได้รับน้ำมากเกินไปจะทำให้รากตื้นและตัวพืชเสียหายได้
ปุ๋ย
ในฤดูใบไม้ผลิ และฤดูร้อน – ใช้ปุ๋ยที่อุดมไปด้วยไนโตรเจนเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตของต้นได้ อีกทั้งยังสามารถใช้ปุ๋ยผักและผลไม้หรือปุ๋ยที่อุดมไปด้วยโภชนาการหรืออุดมไปด้วยฟอสฟอรัสเล็กน้อยก็จะดีต่อผลผลิตด้วยเช่นเดียวกัน
แสงแดด
ในข่วง 1-2 เดือนแรกต้นอะโวคาโดจะยังไม่ชอบแดดมากนัก แต่หลังจากที่เจริญเติบโตแล้วจะสามารถทนแต่แสงแดดได้มากขึ้นและจะยิ่งส่งผลดีในการเจริญเติบโตได้อีกด้วย แต่อย่าลืมว่า…..อย่าให้ดินแห้งจนเกินไปต้องดูระดับน้ำด้วยนะ
การตัดแต่งกิ่ง
อุณหภูมิ
อะโวคาโดมีถิ่นกำเนิดจากพื้นที่เขตร้อนและกึ่งเขตร้อน จะเจริญเติบโดตได้ดีที่อุณหภูมิ 15-29 องศาเซลเซียส แต่สามารถทนอุณภูมิได้มากถึง -2 องศาเซลเซียส เลยทีเดียว
ดิน
ดินที่เหมาะสมในการปลูกจะต้องเป็น ดินเบาที่สามารถระบายน้ำได้ดีน้ำไม่ขังและมีค่า pH อยู่ที่ 5.1-7.5 (ออกความเป็นกรดนิดนึง)
พูดได้เลยว่าเป็นพืชที่ปลูกง่าย ดูแลง่าย สามารถปลูกแซมในสวนผลไม้ได้ ถ้าพันธุ์ที่ต้นเล็กจะปลูกโดยใช้ระยะปลูก 6 เมตร
พันธุ์ที่ต้นใหญ่จะใช้ระยะปลูก 8 เมตร เป็นพืชที่ชอบดินที่มีการระบายน้ำดี ไม่ชอบน้ำขังหรือที่ชื้นแฉะ พื้นที่ปลูกควรเป็นที่โล่ง
แดดดี ไม่อยู่ใต้ร่มไม้ หรือเป็นที่ต่ำเพราะจะทำให้มีน้ำท่วมขัง หากเป็นที่ราบควรปลูกแบบยกแปลงจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
ประโยชน์ของอะโวคาโด 🥑

- สามารถช่วยชะลอความแก่ได้และยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งด้วยเพราะในเนื้อมีสารต้านอนุมูลอิสระ
- สำหรับผู้ที่เป็นความดันโลหิตก็ไม่ต้องน้อยใจไปค่า เพราะ เจ้าเนยลูกนี้มีโพแทสเซียมและโฟเลทที่ช่วยลดความดันได้
- ส่งสายตากันได้แบบปิ๊งๆๆ แถมตาใสอ่านหนังสือจัดจ้องจอก็ไม่ล้าเพราะมีวิตามิน A ทานแล้วตาวาวเลย
- ใครที่เป็นเหน็บชาบ่อยครั้ง ปลายประสาทอักเสบเจ้าเนื้อเนยก็ช่วยได้เพราะมีวิตามิน B อยู่ด้วย
- ช่วยเข้าไปลดปริมาณไขมันเลว (LDL) ในร่างกายได้ เพราะมีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated fats) และยังเข้าไปช่วยลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดอุดตันได้อีกด้วย
- มีกากใยอาหารสูงจะช่วยให้รู้สึกอิ่ม และอยู่ท้องได้นานขึ้น เหมาะสำหรับบุคคลที่ต้องการลดน้ำหนักมากๆ
- อะโวคาโดสดสามารถใช้บำรุงผิวพรรณและเส้นผมได้เพราะมีวิตามิน E โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแห้ง ซึ่งจะช่วยทำให้คุณมีผิวพรรณที่ชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง มีชีวิตชีวาได้
คุณค่าทางโภชนาการของอะโวคาโดต่อ 100 กรัม
พลังงาน | 160 | กิโลแคลอรี่ |
น้ำ | 73.23 | กรัม |
น้ำตาล | 0.66 | กรัม |
เส้นใย | 6.7 | กรัม |
ไขมัน | 14.66 | กรัม |
กรดไขมันอิ่มตัว | 2.13 | กรัม |
กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว | 9.8 | กรัม |
กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน | 1.82 | กรัม |
โปรตีน | 2 | กรัม |
คาร์โบไฮเดรต | 8.53 | กรัม |
วิตามิน เอ | 7 | ไมโครกรัม |
เบตาแคโรทีน | 42 | ไมโครกรัม |
ลูทีนและเซแซนทีน | 217 | ไมโครกรัม |
วิตามิน บี1 | 0.067 | มิลลิกรัม |
วิตามิน บี2 | 0.13 | มิลลิกรัม |
วิตามิน บี 3 | 1.738 | มิลลิกรัม |
วิตามิน บี 5 | 1.389 | มิลลิกรัม |
วิตามิน บี 6 | 0.257 | มิลลิกรัม |
วิตามิน บี 9 | 81 | ไมโครกรัม |
วิตามิน ซี | 10 | มิลลิกรัม |
วิตามิน อี | 2.07 | มิลลิกรัม |
วิตามิน เค | 21 | มิลลิกรัม |
แคลเซียม | 12 | มิลลิกรัม |
เหล็ก | 0.55 | มิลลิกรัม |
แมกนีเซียม | 29 | มิลลิกรัม |
ฟอสฟอรัส | 52 | มิลลิกรัม |
โพแทสเซียม | 485 | มิลลิกรัม |
โซเดียม | 7 | มิลลิกรัม |
แมงกานีส | 0.142 | มิลลิกรัม |
สังกะสี | 0.64 | มิลลิกรัม |
ทีนี้ก็คงจะสรุปได้ว่า อะโวคาโด ถือเป็น SuperFoods ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก ถ้าเราทานในปริมาณที่พอดี
เนื่องจากเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานสูง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไขมันที่มีนับเป็นไขมันดี และสร้างประโยชน์ให้กับร่างกายอย่างมาก
ใครที่กำลังลดน้ำหนักหรืออยากดูแลผิวพรรณก็ให้เจ้าเนื้อเนยเป็นอีกหนึ่งทางเลือกก็ดีเลยทีเดียว

อะโวคาโด
- สีของเนื้อ: เนื้อของอะโวคาโดมักมีสีเขียวอ่อนถึงเขียวเข้ม สีของเนื้อขึ้นอยู่กับระยะการสุกของอะโวคาโด ที่สุกที่สุดมักจะมีสีเขียวอ่อนถึงเขียวอมเหลือง
- รสชาติ: มีรสชาติที่ครีมโครงสร้างและมีความหอมหวานที่อ่อนนุ่ม
- ผลอะโวคาโดมีรูปทรงกลมถึงรูปทรงหลอดที่ยาว มีขนาดใหญ่ถึงกลาง มีลูกเม็ดในภายในที่มีขนาดใหญ่และถอดได้ง่ายเมื่อผลสุก