อย่างที่สาย Healthy รู้กันดีอยูห่แล้วว่า “อะโวคาโด” (AVOCADO) เป็น 1 ในอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีมาก
เป็นผลไม้ที่สามารถทานได้ทุกเพศทุกวัยและยังสามารถทำอาหารคาวหวานได้หลากหลายเมนูอีกด้วย
เรียกได้ว่าอร่อยจนมีสาวหลายๆคนออกมาบอกว่าตัวเองเนี่ยกำลังคลั่งรักอะโวคาโดกันเลยทีเดียว 🥑
อะโวคาโดมีกี่สายพันธุ์ ?
จริงๆถ้าคนที่เพิ่งเริ่มทานอาจจะงงว่าทำไมรูปลักษณ์และราคาถึงได้มีความแตกต่างกันออกไป
ด้วยสายพันธุ์และลักษณ์รวมถึงแหล่งพื้นที่ที่ปลูกก็มีส่วน รวมถึงทั้งที่ปลูกในไทยและที่นำเข้าก็จะมีความแตกต่างกัน
ในส่วนนี้เรามารู้จักทั้ง 6 สายพันธุ์กันเลย!!
สายพันธุ์ | ฤดูเก็บเกี่ยว | อายุผล (วัน) | ลักษณะผล |
1. ปีเตอร์สัน (Peterson) | มิถุนายน – กรกฎาคม | 160 | ผลที่แก่และขั้วผลเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นเขียวปนเหลือง เกิดจุดประสีน้ำตาลบนผล มีน้ำหนักแห้ง 22.2% |
2. บูช-7 (Booth 7) | กลางกันยายน – ตุลาคม | 170 | ผลที่แก่จะมีนวลที่ผิวผล สีผิวผลเป็นสีเขียว เกิดจุดประสีน้ำตาลบนผล มีน้ำหนักแห้ง 14.8% |
3. บูช-8 (Booth 8) | กันยายน – ตุลาคม | 177 | ผลที่แก่จะมีนวลที่ผิวผล สีผิวผลเป็นสีเขียว เกิดจุดประสีน้ำตาลบนผล มีน้ำหนักแห้ง 16.5% |
4. บัคคาเนีย (Buccaneer) | กลางกันยายน – กลางตุลาคม | 180 – 187 | ผลที่แก่จะมีนวลที่ผิวผล สีของผลเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเล็กน้อย เกิดจุดประสีน้ำตาลบนผล มีน้ำหนักแห้ง 17.0% |
5. พิงค์เคอตัน (Pinkerton) | ตุลาคม – ธันวาคม | 309 | ผลที่แก่ผิวผลจะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีเขียวเข้ม มีน้ำหนักแห้ง 30.0% |
6. แฮส (Hass) | พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ | 242 – 250 | ผลที่แก่ผิวผลจะเปลี่ยนจากสีเขียวเข้มเป็นสีม่วงปนเขียว มีน้ำหนักแห้ง 24.7-29.0% |
สายพันธุ์ไหนอร่อยที่สุด?

คำตอบคือ สายพันธุ์ Hass ถือว่าเป็นสายพันธุ์ที่มีรสชาติดีที่สุด มีแหล่งกำเนิดมาจากรัฐแคลิฟอร์เนียสหรัฐอเมริกา ให้ผลผลิตทั้งปี ด้วยรสชาตินุ่มนวล คล้ายเนยและถั่ว เนื้อเหนียวหนึบ รสชาติมัน เต็มเปี่ยมไปด้วยไขมันดี กลิ่นและรสชาติละมุนกว่าพันธุ์อื่น
มาดูประวัติความเป็นมาของ Hass กัน

อะโวคาโด พันธุ์ Hass (Persea americana) ได้รับการตั้งชื่อตาม Rudolph Hass เกษตรกรในแคลิฟอร์เนียที่พัฒนาพันธุ์ในปี 1920 Hass เป็นนักพืชสวนมือที่มีความหลงใหลในการปลูกอะโวคาโด และมองหาพันธุ์ที่ปลูกง่ายและมีอายุการเก็บรักษานานกว่าพันธุ์อื่น ๆ
ในปี 1926 Hass ได้ปลูกต้นกล้าอะโวคาโดที่ไม่รู้จักในสวนผลไม้ของเขาใน La Habra Heights รัฐแคลิฟอร์เนีย ต้นไม้เติบโตอย่างรวดเร็วและให้ผลมากมาย ในไม่ช้า Hass ก็ตระหนักว่าอะโวคาโดชนิดนี้มีลักษณะที่พึงประสงค์หลายประการรวมถึงผิวกรวดหนาที่ปกป้องผลไม้ระหว่างการขนส่งและการเก็บรักษา
Hass ยังคงปลูกต้นอะโวคาโดและในที่สุดก็จดสิทธิบัตรพันธุ์ในปี 1935 อะโวคาโด Hass กลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วในหมู่เกษตรกรและผู้บริโภคและปัจจุบันเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ทที่ปลูกและบริโภคกันอย่างแพร่หลายที่สุดในโลก
การปลูกอะโวคาโด Hass

ปัจจุบันอะโวคาโด Hass ปลูกในหลายประเทศทั่วโลก ทั้งสหรัฐอเมริกา เม็กซิโก ชิลี เปรู และอิสราเอล ผลไม้มักจะปลูกในสภาพอากาศุที่อบอุ่นและเขตร้อน ต้นจะมีขนาดกลางมีหลังคากระจายและใบไม้หนาแน่น Hass สามารถผลิตผลได้ตลอดทั้งปี
พูดได้เลยว่าเป็นพืชที่ปลูกง่าย ดูแลง่าย สามารถปลูกแซมในสวนผลไม้ได้ ถ้าพันธุ์ที่ต้นเล็กจะปลูกโดยใช้ระยะปลูก 6 เมตร พันธุ์ที่ต้นใหญ่จะใช้ระยะปลูก 8 เมตร เป็นพืชที่ชอบดินที่มีการระบายน้ำดี ไม่ชอบน้ำขังหรือที่ชื้นแฉะ พื้นที่ปลูกควรเป็นที่โล่ง แดดดี ไม่อยู่ใต้ร่มไม้ หรือเป็นที่ต่ำเพราะจะทำให้มีน้ำท่วมขัง หากเป็นที่ราบควรปลูกแบบยกแปลงจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
ประโยชน์ของอะโวคาโด 🥑

- สามารถช่วยชะลอความแก่ได้และยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งด้วยเนื่องเจ้าเนื้อเนยมีสารต้านอนุมูลอิสระ
- สำหรับผู้ที่เป็นความดันโลหิตก็ไม่ต้องน้อยใจไปค่า เพราะ เจ้าเนยลูกนี้มีโพแทสเซียมและโฟเลทที่ช่วยลดความดันได้
- ส่งสายตากันได้แบบปิ๊งๆๆ แถมตาใสอ่านหนังสือจัดจ้องจอก็ไม่ล้าเพราะมีวิตามิน A ทานแล้วตาวาวเลย
- ใครที่เป็นเหน็บชาบ่อยครั้ง ปลายประสาทอักเสบเจ้าเนื้อเนยก็ช่วยได้เพราะมีวิตามิน B อยู่ด้วย
- ช่วยเข้าไปลดปริมาณไขมันเลว (LDL) ในร่างกายได้ เพราะมีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated fats) และยังเข้าไปช่วยลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดอุดตันได้อีกด้วย
- มีกากใยอาหารสูงจะช่วยให้รู้สึกอิ่ม และอยู่ท้องได้นานขึ้น เหมาะสำหรับบุคคลที่ต้องการลดน้ำหนักมากๆ
- อะโวคาโดสดสามารถใช้บำรุงผิวพรรณและเส้นผมได้เพราะมีวิตามิน E โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแห้ง ซึ่งจะช่วยทำให้คุณมีผิวพรรณที่ชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง มีชีวิตชีวาได้
อ่านเพิ่มเติม คลิ๊ก
คุณค่าทางโภชนาการของอะโวคาโดดิบต่อ 100 กรัม
พลังงาน | 160 | กิโลแคลอรี่ |
น้ำ | 73.23 | กรัม |
น้ำตาล | 0.66 | กรัม |
เส้นใย | 6.7 | กรัม |
ไขมัน | 14.66 | กรัม |
กรดไขมันอิ่มตัว | 2.13 | กรัม |
กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว | 9.8 | กรัม |
กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน | 1.82 | กรัม |
โปรตีน | 2 | กรัม |
คาร์โบไฮเดรต | 8.53 | กรัม |
วิตามิน เอ | 7 | ไมโครกรัม |
เบตาแคโรทีน | 42 | ไมโครกรัม |
ลูทีนและเซแซนทีน | 217 | ไมโครกรัม |
วิตามิน บี1 | 0.067 | มิลลิกรัม |
วิตามิน บี2 | 0.13 | มิลลิกรัม |
วิตามิน บี 3 | 1.738 | มิลลิกรัม |
วิตามิน บี 5 | 1.389 | มิลลิกรัม |
วิตามิน บี 6 | 0.257 | มิลลิกรัม |
วิตามิน บี 9 | 81 | ไมโครกรัม |
วิตามิน ซี | 10 | มิลลิกรัม |
วิตามิน อี | 2.07 | มิลลิกรัม |
วิตามิน เค | 21 | มิลลิกรัม |
แคลเซียม | 12 | มิลลิกรัม |
เหล็ก | 0.55 | มิลลิกรัม |
แมกนีเซียม | 29 | มิลลิกรัม |
ฟอสฟอรัส | 52 | มิลลิกรัม |
โพแทสเซียม | 485 | มิลลิกรัม |
โซเดียม | 7 | มิลลิกรัม |
แมงกานีส | 0.142 | มิลลิกรัม |
สังกะสี | 0.64 | มิลลิกรัม |
ทีนี้ก็คงจะสรุปได้ว่า อะโวคาโด ถือเป็น SuperFoods ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก ถ้าเราทานในปริมาณที่พอดี เนื่องจากเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานสูง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไขมันที่มีนับเป็นไขมันดี และสร้างประโยชน์ให้กับร่างกายอย่างมาก ใครที่กำลังลดน้ำหนักหรืออยากดูแลผิวพรรณก็ให้เจ้าเนื้อเนยเป็นอีกหนึ่งทางเลือกก็ดีเลยทีเดียว
Reviews
There are no reviews yet.