ผลไม้โรคไตห้ามกิน-มีอะไรบ้าง

ผลไม้โรคไตห้ามกิน มีอะไรบ้าง ? เลี่ยงได้ควรเลี่ยง เสี่ยงอันตราย

ในบทความนี้เราจะพูดถึง “ผลไม้โรคไตห้ามกิน มีอะไรบ้าง ? เลี่ยงได้ควรเลี่ยง เสี่ยงอันตราย” ซึ่งเป็นเนื้อหาสำหรับคนที่มีปัญหาโรคไต รวมถึงการเลือกบริโภคผลไม้ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากบางชนิดของผลไม้อาจมีส่วนประกอบที่สามารถทำให้โรคไตแย่ลงได้ หากคุณต้องการรักษาสุขภาพไตของคุณ ควรหลีกเลี่ยงผลไม้ที่จะกล่าวถึงในบทความนี้

ผลไม้โรคไตห้ามกิน-มีอะไรบ้าง

โรคไต คืออะไร?

โรคไต คือภาวะที่ไตทำงานผิดปกติ และสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเพศ และทุกวัย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ สาเหตุของโรคไตไม่ได้มาจากการบริโภคเค็มเพียงอย่างเดียว และมีหลายปัจจัยที่มีบทบาท เช่น การใช้ชีวิตประจำวัน พันธุกรรม และโรคเรื้อรัง เป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อความเสี่ยงของโรคไต เพื่อป้องกันโรคไต ควรดูแลรักษาสุขภาพที่ดี รับประทานอาหารที่ดี ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และตรวจสุขภาพเป็นประจำ 

เพราะอะไร ? ผู้ป่วยโรคไตถึงไม่ควรทานผลไม้บางชนิด

ผลไม้โรคไตห้ามกินบางชนิด เพราะผลไม้บางชนิดมีสารที่อาจเป็นอันตราย หรือทำให้ความรุนแรงของโรคไตเพิ่มมากขึ้น. เหตุผลสำคัญที่ทำให้บางผลไม้ไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคไต เช่น:

  1. โพแทสเซียมสูง: บางผลไม้มีปริมาณโพแทสเซียมสูงมาก ที่อาจเพิ่มความดันโลหิต และอาการของโรคไต โดยเฉพาะผลไม้ที่มีสีเข้ม เช่น กีวี่ แอปเปิ้ล  และส้ม เป็นต้น

  2. ออกซาเลตสูง: ผลไม้บางชนิดมีปริมาณออกซาเลตสูง ซึ่งอาจทำให้เกิดนิ่ว และอุดตันท่อไต เช่น มะเฟืองที่มีรสเปรี้ยว.

  3. ไฮโดรเจนไซยาไนด์: บางผลไม้มีเมล็ดที่มีสารไฮโดรเจนไซยาไนด์ เมล็ดเชอร์รี่เป็นตัวอย่าง การบดหรือทำให้เมล็ดแตกอาจทำให้ร่างกายได้รับสารพิษอันตราย หากถูกบด หรือรับประทานเมล็ดเชอร์รี่ในปริมาณมาก.

ผู้ป่วยโรคไตควรปรึกษาแพทย์ หรือนักโภชนาการเพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาหารที่เหมาะสำหรับสุขภาพไตของตนเอง และระดับแร่ธาตุที่เหมาะสมที่จะบรรเทาโรคไตและรักษาสุขภาพไตในระยะยาวได้ดีที่สุด.

ผลไม้โรคไตห้ามกิน มีอะไรบ้าง ?

1. มะเฟือง

star-fruit

คนที่เป็นโรคไตควรระมัดระวังการรับประทานมะเฟือง หรืออาหารที่มีปริมาณโพแทสเซียมสูงเนื่องจากมะเฟืองมีปริมาณโพแทสเซียมมากเกินไปอาจก่อให้เกิดการทำงานหนักของไต และสะสมออกซาเลตในร่างกายได้ สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องไต หรือความดันโลหิตสูง ควรปรึกษาแพทย์ หรือนักโภชนาการเพื่อรับคำแนะนำเกี่ยวกับอาหารที่เหมาะสมสำหรับสุขภาพไต การดูแลสุขภาพไตเป็นสิ่งสำคัญ และการควบคุมปริมาณโพแทสเซียม และออกซาเลตในอาหารก็เป็นสิ่งสำคัญอีกด้วย

2. เชอร์รี่

เชอร์รี่เป็นผลไม้ที่มีปริมาณโพแทสเซียมสูง ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับไต หรือดันโลหิตสูง ควรระมัดระวังในการรับประทาน และปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการหากคุณมีปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับไต หรือดันโลหิต นอกจากนี้เมล็ดเชอร์รี่มีสารไฮโดรเจนไซยาไนด์ที่อาจเป็นอันตรายหากกินเมล็ดในปริมาณมาก ควรหลีกเลี่ยงการบด หรือทำให้เมล็ดแตก และรับประทานเมล็ดเชอร์รี่อย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันอาการไม่พึงประสงค์ และปัญหาสุขภาพอื่นๆที่อาจเกิดขึ้น 

3. กล้วย

กล้วยมีความสูงในแคลเซียม และโพแทสเซียมในปริมาณที่น้อยเมื่อเทียบกับอาหารอื่น ๆ  และมักไม่เป็นปัญหาสำคัญสำหรับคนที่มีไตระดับสูง อย่างไรก็ตาม ควบคุมการบริโภคกล้วย และอาหารที่มีแคลเซียม และโพแทสเซียมในระดับที่ปลอดภัยสำคัญสำหรับคนที่มีโรคไต และควรปฏิบัติตามคำแนะนำจากแพทย์หรือโฮลิสติคอลที่เชี่ยวชาญด้านโรคไตในการควบคุมการบริโภคแคลเซียม และโพแทสเซียมเพื่อรักษาสุขภาพไตให้ดีในระยะยาว.

4. ทุเรียน

durian

ผู้ป่วยโรคไตไม่ควรทานทุนเรียน เนื่องจากทุนเรียนมีปริมาณแคลเซียม และโพแทสเซียมสูงที่อาจก่อให้เกิดภาระเพิ่มต่อระบบไตที่มีปัญหา  และมีความสูงในแคลเซียม  และโพแทสเซียม ที่อาจทำให้การทำงานของไตที่มีปัญหามีความเสี่ยงมากขึ้น ผู้ป่วยโรคไตควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำเกี่ยวกับอาหารที่เหมาะสม และปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อรักษาสุขภาพไต และควบคุมระดับแคลเซียม และโพแทสเซียมในร่างกายให้มีประสิทธิภาพ และปลอดภัย.

5. ฝรั่ง

guava-fruit

ผู้ป่วยโรคไตไม่ควรทานฝรั่ง หรือผลไม้ที่มีปริมาณแคลเซียม และโพแทสเซียมสูงเพราะฝรั่งมีปริมาณคลเซียมที่สูง และแคลเซียมมีความสัมพันธ์กับโพแทสเซียมในร่างกาย เมื่อแคลเซียมสูงในร่างกาย จะทำให้ระดับโพแทสเซียมในเลือดเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการเฝ้าระดับความดันโลหิตสูง และเสี่ยงต่อการทำให้ระบบไตทำงานหนักขึ้น ซึ่งไม่ควรสำหรับผู้ป่วยโรคไตที่มีปัญหาเรื่องการควบคุมแคลเซียม และโพแทสเซียมในร่างกายอย่างเหมาะสม.

6. มะม่วง

mango-fruit

ผู้ป่วยโรคไตไม่ควรทานมะม่วง เนื่องจากมะม่วงมีปริมาณแคลเซียมที่สูง โดยเฉพาะในรูปแบบของแคลเซียมออกไซด์ (calcium oxalate) ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดอาการเกิดเป็นอันตรายสำหรับผู้ป่วยโรคไต แคลเซียมออกไซด์สามารถเกิดปฏิกิริยากับออกซาเลต (oxalate) ในร่างกาย และเป็นสาเหตุของการสร้างหินไต หรือหินกระดูก (kidney stones) ซึ่งเป็นภาวะที่อาจเสี่ยงต่อการทำให้โรคไตมีอาการแย่ลง และภาวะปัญหาของการควบคุมแคลเซียมในร่างกาย.

7. ลูกพลับ

ผู้ป่วยโรคไตไม่ควรทานลูกพลับ หรือกินอาหารที่มีปริมาณแคลเซียม และโพแทสเซียมสูง โปรตีนสูง และฟอสฟอรัสสูง เนื่องจากลูกพลับมีส่วนประกอบเหล่านี้อย่างมาก ซึ่งอาจเสี่ยงที่จะเพิ่มการทำงานของไต และเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดภาวะที่เสี่ยงต่อการทำให้ระบบไตมีปัญหาเพิ่มขึ้น ด้วยเหตุนี้ลูกพลับไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคไต หรือบุคคลที่มีปัญหาในการควบคุมแคลเซียม และโพแทสเซียมในร่างกาย.

8. แคนตาลูป

Cantaloupe

ผู้ป่วยโรคไตไม่ควรทานแคนตาลูป เนื่องจากแคนตาลูปมีปริมาณโปรตีนสูง และฟอสฟอรัสสูง ซึ่งอาจเพิ่มภาระการทำงานของไต และเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาในระบบไต การบริโภคอาหาร หรือเครื่องดื่มที่มีปริมาณโปรตีน และฟอสฟอรัสสูงอาจทำให้ระดับแคลเซียม และโพแทสเซียมในร่างกายเพิ่มขึ้น ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะที่ส่งผลต่อการควบคุมระบบไตของผู้ป่วยโรคไต.

9. ส้ม

ผู้ที่มีปัญหาไต หรือความดันโลหิตสูงควรระมัดระวังในการรับประทานส้ม หรืออาหารที่มีปริมาณโพแทสเซียม และออกซาเลตสูง เนื่องจากส้มมีปริมาณโพแทสเซียม และออกซาเลตสูง ออกซาเลตสูง และกรดซิตริกในส้มอาจมีผลกระทบต่อการทำงานของไตในผู้ที่มีปัญหาไต หรือความดันโลหิตสูง ดังนั้น การรับประทานส้มและอาหารที่มีปริมาณโพแทสเซียม และออกซาเลตสูงเป็นสิ่งที่ควรระมัดระวัง.

10. ลำไย

longan

ผู้ป่วยโรคไตไม่ควรทานลำไย หรืออาหารที่มีปริมาณแคลเซียม และโพแทสเซียมสูง โปรตีนสูง และฟอสฟอรัสสูง เนื่องจากลำไยมีปริมาณคลเซียมที่สูง ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดปัญหาในระบบไต และสุขภาพไตที่มีปัญหาเล่นด้วย ปริมาณแคลเซียมสูงในร่างกายอาจส่งผลต่อการควบคุมความดันโลหิต และการควบคุมความสมดุลระหว่างแคลเซียม และโพแทสเซียม และเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดปัญหาของการควบคุมแคลเซียม และโพแทสเซียมในร่างกาย.

สรุป

ผู้ป่วยโรคไตไม่ควรทานผลไม้บางชนิดเนื่องจากผลไม้บางชนิดมีปริมาณแคลเซียม และโพแทสเซียมสูง โปรตีนสูง และฟอสฟอรัสสูง ซึ่งอาจเพิ่มภาระการทำงานของไต และเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาในระบบไต ผลไม้ที่มีปริมาณคลเซียมและโพแทสเซียมสูงมาก เช่น แคนตาลูป, ลูกพลับ, และส้ม ควรถูกหลีกเลี่ยง หรือบริโภคอย่างระมัดระวังสำหรับผู้ป่วยโรคไต นอกจากนี้ ผลไม้ที่มีปริมาณคลเซียม และโพแทสเซียมสูงอื่นๆ เช่นลำไย, มะม่วง, และองุ่น ยังควรหลีกเลี่ยงอีกด้วย.

ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำเกี่ยวกับปริมาณแคลเซียม และโพแทสเซียมที่เหมาะสมสำหรับสภาพร่างกายของคุณ และปรับการบริโภคผลไม้ให้เหมาะสมตามคำแนะนำของทีมแพทย์ของคุณเพื่อรักษาสุขภาพไตให้ดี และลดความเสี่ยงให้เกิดปัญหาในระบบไต.

บทความแนะนำ : 10 ผลไม้สมานแผลผ่าตัด หายเร็ว แถมยังสุขภาพดี มีอะไรบ้าง ?

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Shopping Cart