เชอร์รี่เป็นผลไม้ที่หลายคนรู้จักกันดี เป็นผลไม้ที่มีความหวานอมเปรี้ยว มีรสชาติของเชอรี่ที่เข้มข้นพร้อมกับรสผิวเนื้อแน่นนุ่ม แต่เชอร์รี่ที่เรารู้จักกันนั้น ไม่มีดีแค่ความอร่อย เเต่เชอรี่ยังมีประโยชน์อย่างที่ใครหลายคนคาดไม่ถึงเลยแหละ จะเป็นอะไรบ้าง ก็ต้องมารู้จักต้นเชอรี่กันก่อน
ต้นเชอร์รี่ที่หลายคนยังไม่เคยเห็น มันเป็นยังไง?
มีหลายคนหลงเสียเวลาปลูกเชอรี่ปลอมเยอะมาก บทความมีคำตอบเกี่ยวกับต้นเชอรี่ ว่าต้นเชอรี่นอกจริงๆเป็นแบบไหนกัน? เรามาแบ่งกลุ่มกันก่อนดีกว่า จะแบ่งให้เข้าใจง่ายๆเป็น 4 พวก เพื่อจะได้รู้ว่าเค้าขายอะไรให้เรา
- เชอรี่ที่ขายตามห้างคือเชอรี่ที่เป็นเชอรี่หวาน มีผลใหญ่ก้านยาว (Prunus avium)
- เชอรี่ที่ใช้ดองหรือเชอรี่เปรี้ยวบางคนเรียกเชอรี่ทาดจะมีผลที่เล็กและก้านที่ยาว (Prunus cerasus)
- สายพันธุ์ที่ตั้งขึ้นมาใหม่ผลคล้ายเชอรี่ก็คือ เชอรี่พลัม (Prunus cerasifera) เชอรี่พลัมคือ แอปริคอทผสมกับพลัม หรือ บางทีก็เป็นลูกผสมของพลัมกับเชอรี่พลัมเรียกกลุ่มพวกนี้ว่า Cherry Plum
- พวกซากุระ ที่มีผลออกมาคล้ายเชอรี่และกินได้รสชาติไม่ต่างกันมาก แต่ผลจะเล็กกว่า ตอนนี้มีแค่พันธุ์เดียวจากญี่ปุ่น คือพันธุ์ดันจิ นอกนั้นกินไม่อร่อย ซึ่งพันธุ์นี้ก็ลูกไม่ใหญ่และสีออกแดงส้มไม่แดงเข้ม แต่ก็เป็นพันธุ์เดียวที่ยังพอจะมีผลได้ในไทย จะผลเล็กก้านยาวระดับกลางๆ
ถ้าจะกินเชอร์รี่ต้องซื้อแบบไหนดี ?
ถ้าจะซื้อเชอรี่นอก ต้องซื้อข้อที่ 1
และข้อที่ 2 แต่ก็ไม่ค่อยมีใครเอามาปลูกกันซักเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่ต้องปลูกในที่อากาศหนาวมากถึงจะมีผลได้
ส่วนข้อที่ 3 ในไทยจะมีใครที่นำเข้ามาปลูกไหมเพราะ เป็นพวกลูกผสม มีน้อยสายพันธุ์มากๆ ส่วนใหญ่ในไทยเป็นพลัมธรรมดา
ข้อที่ 4 มีนำเข้ามาปลูกกันอย่างแพ่หลายประมาณ3-4ปีแล้ว
กว่าจะได้เชอรี่นอก ชาวสวนต้องทำยังไง ?
อย่างแรกเลยควรดูที่ใบ ใบเค้าจะมีก้านยาว ความยาวก้าน จะยาวเท่ากับ1ใน3ของใบจนถึง1ใน 2 ของใบ ง่ายๆเลยคือก้านยาว 1/3-1/2ของใบ ใบใหญ่ ในกลุ่มเชอรี่ เชอรี่นอกใบใหญ่สุดก้านยาวสุดพวกใบเล็กๆจะเป็นพวกพลัมหรือไม่ก็เชอร์รี่เปรียว แต่ในไทยโอกาสเจอสายพันธุ์เชอร์รี่เปรียวเป็นไปได้ยากมาก
“ที่ขายกันเรียกเชอรี่มักจะเอาต้นพลัมมาขาย” ดูง่ายๆใบเล็กก้านสั้นกิ่งก็เล็กเชอรี่นอกกิ่งใหญ่มากครับไม่มีกิ่งเล็กๆ ส่วนใหญ่กิ่งที่เกิด อย่างน้อยเท่าหลอดดูดน้ำ ไม่เล็กเท่าไม้เสียบลูกชิ้นเหมือนพลัม
ทำไมพอมีอายุถึงต้องทานเชอร์รี่ ?
เชอร์รี่ เป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ในบทความนี้จะสรุปรวมข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์ของเชอรี่ โดยที่ได้รวบรวมมาแล้ว 6 ข้อดังนี้
- ช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง (Reduce the risk of cancer) เชอร์รี่มีสารสำคัญอย่างแอนทีออกซิแดนท์ที่ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง โดยช่วยต้านการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
- ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น (Boost immune system) เชอร์รี่มีวิตามินซีมากมายที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยป้องกันการติดเชื้อและโรคต่างๆ
- ช่วยบำรุงสายตาให้ดียิ่งขึ้น เหมาะสำหรับผู้สูงอายุเป็นอย่างมาก (improve eyesight) เชอร์รี่มีสารอาหารที่สำคัญ เช่นวิตามิน C และเบต้าคาโรทีน (beta-carotene) ที่เป็นตัวละลายกำมะถัน (antioxidant) ซึ่งสารตัวละลายกำมะถันเหล่านี้ถูกพบว่ามีประโยชน์ต่อสายตาในการป้องกันความเสื่อมสภาพของสายตา อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคต้อกระจก สายตาสั้น และมาตรฐานสายตาที่เสื่อมสภาพ
- ช่วยทำให้การนอนหลับสบาย จากกรดอะมิโนทริปโตเฟน (increase overall sleep efficiency) กรดอะมิโนทริปโตเฟนที่พบได้ในเชอร์รี่อาจมีบางประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับ เช่น กรดอะมิโนทริปโตเฟนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า 5-ฮิโดโรกซีโตน (5-HTP) สามารถช่วยกระตุ้นสร้างสารสมองเคมีที่เกี่ยวข้องกับการผลักดันให้เกิดความผ่อนคลายและการนอนหลับที่ดีขึ้นได้
- ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง ให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น (Boost brain and nervous system) เชอร์รี่มีสารอาหารที่สำคัญเช่นวิตามิน C และกรดอะมิโนทริปโตฟานที่สามารถส่งผลให้ระบบประสาทและสมองทำงานได้ดีขึ้น วิตามิน C เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการเกิดความเสียหายจากอนุมูลอิสระในระบบประสาทและสมอง
ช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย สำหรับคนที่ขับถ่ายได้ยาก เพราะมีไฟเบอร์สูง (Improve digestion) เชอร์รี่เป็นผลไม้ที่มีเส้นใยอาหารสูง ที่ช่วยเพิ่มปริมาณของเส้นใยในอาหารที่ร่างกายได้รับ ซึ่งเส้นใยอาหารเป็นส่วนสำคัญของระบบทางเดินอาหาร มันช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ใหญ่ ส่งเสริมการทำงานของเยื่อบุคอกและกล้ามเนื้อลำไส้ ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถช่วยในกระบวนการขับถ่ายได้
รู้หรือไม่ ไม่ควรกินเชอร์รี่เกินวันละเท่าไหร่ ?
หากต้องการประโยชน์จากเชอร์รีดังที่กล่าวมา ควรกินเชอร์รีติดต่อกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์ และกินในปริมาณที่ไม่มากไปกว่าที่งานวิจัยศึกษามาแล้ว ดังนี้
ถ้าเราดื่มน้ำเชอร์รี่ในปริมาณ 240 มิลลิลิตร ไม่ควรเกิน 2 ครั้งต่อวัน
ส่วนถ้าใช้ผงเชอร์รี่ผสมน้ำดื่ม ไม่ควรเกิน 480 มิลลิกรัมต่อวัน
เชอร์รี่ 1 ผล = กี่แคล aDay Fresh มีตอบคำตอบ!
เชอร์รี่ 1 ผล ให้แคลอรี่ = 15 กิโลแคลอรี่
สำหรับใครที่กำลังนับแคลอรี่ หรือควบคุมน้ำหนัก รักษาหุ่น หรือกำลังจะเริ่มออกกำลังกาย คงอยากรู้กันว่า “เชอรี่” ให้พลังงานเท่าไหร่ และต้องกินจำนวนกี่ผลถึงจะพอดี โดยพลังงานของ “เชอร์รี่ 1 ผล” สรุปได้ว่า เมื่อเรากินไปหนึ่งผล จะได้พลังงานปริมาณเท่าไหร่ คำตอบก็คือ เท่ากับ 15 กิโลแคลอรี่
1 วัน ควรรับประทานเชอร์รี่เท่าไหร่?
- ผู้ชาย ต้องการพลังงานที่ใช้ต่อวัน คือ 1,800 – 2,000 กิโลแคลอรี่ โดยไม่ควรที่จะรับประทานเชอรี่เกิน 133 ผล โดยจะเท่ากับพลังงาน 1,995 กิโลแคลอรี่
- ผู้หญิง ต้องการพลังงานที่ใช้ต่อวัน คือ 1,500 – 1,800 กิโลแคลอรี่ โดยไม่ควรที่จะรับประทานเชอรี่เกิน 120 ผล โดยจะเท่ากับพลังงาน 1,800 กิโลแคลอรี่
เชอร์รี่ทำเมนูอะไรได้บ้าง?
เห็นเชอร์รี่ลูกจิ๋วแบบนี้ แต่ขอบอกว่าแจ๋ว เพราะนอกจากมีประโยชน์เพียบแล้ว หลายๆคนคงคุ้นเคยกับเชอร์รี่ที่วางอยู่บนหน้าเค้ก วันนี้มาแบ่งปันว่านำมาทำเมนูอะไรได้บ้าง ???
1. แยมเชอร์รี่
วัตถุดิบ
- เชอร์รี่สด 650 กรัม
- น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 150 กรัม


1. แยมเชอร์รี่
วัตถุดิบ
- เชอร์รี่สด 650 กรัม
- น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 150 กรัม

2. เชอร์รี่สมูทตี้
วัตถุดิบ
- เนื้อเชอร์รี่
- น้ำเชื่อม
- น้ำเปล่า
- เกลือป่น
3. เชอร์รี่โยเกิร์ตกราโนล่า
วัตถุดิบ
- โยเกิร์ตรสธรรมชาติ
- น้ำผึ้ง
- กราโนล่า
- เชอร์รี่สด เเละผลอื่นๆตามชอบ


3. เชอร์รี่โยเกิร์ตกราโนล่า
วัตถุดิบ
- โยเกิร์ตรสธรรมชาติ
- น้ำผึ้ง
- กราโนล่า
- เชอร์รี่สด เเละผลอื่นๆตามชอบ
อ่านมาถึงตรงนี้คงรู้จักเจ้าเชอรี่มากขึ้นกันแล้วใช่ไหม แต่ถ้าอยากได้กระเช้าผลไม้ที่มีเชอร์รี่ในนั้นด้วย สามารถคลิกที่นี่